เราอาจจะต้องเตรียมรับมือ ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การมีปฎิสัมพันธ์ ความเชื่อ การซื้อขายสินค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ฝั่งแบรนด์และผู้บริโภคหลายๆแขนงต้องปรับตัว และแนวคิดการใช้ชีวิตกันยกใหญ่
ล่าสุด เอ็นไวโรเซล (ไทยแลนด์) ได้เผย “5 เทรนด์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ปี 2018” ที่เป็นแนวทางให้นักการตลาดและแบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์ และวิธีการสื่อสารกับผู้บริโภคยุคใหม่ แทนการใช้ Marketing Mix แบบเดิมๆ คุณสรินพร จิวานันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นไวโรเซล ประเทศไทย จำกัด บริษัทในเครือของบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เผยว่า เทรนด์ทั้ง 5 ข้อนี้ ไม่ใช่เทรนด์ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกเท่านั้น แต่บางเทรนด์ก็เหมาะกับประเทศไทย และคาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง (From Human Touch to Human Less)
เนื่องจากการลดต้นทุน จากปัญหาตลาดแรงงาน ทำให้หลายบริษัทเริ่มหันกลับมาใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ แอปพลิเคชั่น และโดรนเป็นต้น ทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องเจอพนักงานที่ให้บริการ และสามารถทำด้วยตนเองตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น ซูปเปอร์มาร์เก็ตในต่างประเทศที่เริ่มจะมีเคาท์เตอร์สำหรับทำด้วยตัวเอง แสกนสินค้า เก็บเงิน และนำของใส่ถุงให้อัตโนมัติ หรือจำพวกโรงแรม สนามบิน ที่เริ่มใช้ Machine แทนพนักงานในการดูแลระบบ เช็คอิน เช็คเอาท์ อัตโนมัติ
ผู้บริโภคจะเชื่อสมองกลอัจฉริยะมากขึ้น (From Word of Mouth to Word of Mouse)
เนื่องจากที่เทคโนโลยีเข้ามามีผลต่อชีวิตเรามากขึ้น คนเริ่มคุ้นเคยกับการหันมาเชื่อข้อมูลทางเทคโนโลยี มากกว่าแต่ก่อนที่เราจะบอกเล่าปากต่อปาก เพราะคิดว่าเป็นข้อมูลจากผู้บริโภคด้วยกัน ความพัฒนาของเทคโนโลยีที่เริ่มมีความฉลาด และสามารถ monitor ได้ด้วยตัวเอง และแม่นยำ อย่างเช่น สายรัดข้อมือ ที่มีการคำนวนการหลับลึก การเต้นของหัวใจ การเดินทาง และทุกอย่างสามารถประมวลผลแบบ Real-Time ทำให้ผู้ช่วยอัจฉริยะมีบทบาทกับเรามากขึ้น
เปลี่ยนโฆษณาแบบเรียบๆ เป็นโฆษณาที่เล่นได้ (From Plain to Play Content)
หากลองสังเกตดีๆจะรู้สึกได้ว่าแบรนด์แต่ละแบรนด์เริ่มเปลี่ยนการโฆษณาไปตามพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งพฤติกรรมที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ตอนนี้ คือการเสพ Content ในรูปแบบเกมส์หรืออะไรที่มัน Playful ผลที่ออกมาจะรู้สึกว่าโฆษณานี้ดูไม่ได้ยัดเยียดให้ผู้บริโภคเกินไป แต่ทำให้ผู้บริโภค สนุกสนานได้ด้วย
ทุกที่บนโลกสามารถเป็นดิสเพลย์แสดงสินค้าได้ (From Store to Stream)
ปัจจุบันผู้บริโภคใช้เวลาดูไลฟ์วิดีโอมากกว่าวิดีโอปกติทั่วไปถึง 3 เท่า ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีสินค้าประเภทใดก็ตาม ลองเปลี่ยนจากการโชว์สินค้าแบบดิสเพลย์เดิมๆ ให้กลายเป็นดิสเพลย์เคลื่อนไหวได้ ด้วยการ Livesteam หรือการสร้างประสบการณ์ให้สมจริง อย่างเช่น แบรนด์เครื่องสำอางค์แบรนด์หนึ่ง ที่หากลูกค้าอยากลองสีลิป ก็ใช้ AR สแกนหน้าลูกค้า เพื่อให้ลองได้หลายสีอย่างสมจริงที่สุด
ใช้ชีวิตบนโลกเสมือนจริงมากขึ้น (From Actual to Virtual)
เมื่อเราคุ้นเคยกับการใช้แอปฯ หรือการเชื่อเทคโนโลยีมากขึ้น Self service ขั้นต่อมาคือ การหันไปสื่อสารผ่านหน้าจอ และ Digital Human ในอนาคตอันใกล้ผู้บริโภคจะสื่อสารกับ Chatbot มากขึ้น เพราะสามารถตอบโต้และให้ความช่วยเหลือกันได้ตลอดเวลา เด็กรุ่นใหม่เลยจะคุ้นเคยกับการสื่อสารกับ Virtual หรือหุ่นยนต์มากขึ้น เพราะ Human Less Technology
จากเทรนด์ที่พูดมาข้างต้นนี้ การเปลี่ยนแปลงทำให้นักการตลาดต้องเปลี่ยนวิธีในการเข้าถึงผู้บริโภคในรูปแบบใหม่ เพื่อตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์
และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนตามเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : www.marketingoops.com